ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกของเรา คุณอาจพบเรื่องรอบตัวที่คุณยังไม่รู้ได้ที่นี่

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

รู้หรือไม่?
มนุษย์เราเกิดขึ้นได้อย่างไร?


วิวัฒนาการของมนุษย์ (อังกฤษ: Human evolution) เป็นกระบวนการวิวัฒนาการที่นำไปสู่การปรากฏขึ้นของ "มนุษย์ปัจจุบัน" (อังกฤษ: modern human มีนามตามอนุกรมวิธานว่า Homo sapiens หรือ Homo sapiens sapiens) ซึ่งแม้ว่าจริง ๆ แล้วจะเริ่มต้นตั้งแต่บรรพบุรุษแรกของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แต่บทความนี้ครอบคลุมเพียงแค่ประวัติวิวัฒนาการของสัตว์อันดับวานร (primate) โดยเฉพาะของสกุล โฮโม (Homo) และการปรากฏขึ้นของมนุษย์สปีชีส์ Homo sapiens ที่จัดเป็นสัตว์วงศ์ลิงใหญ่เท่านั้น การศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการมนุษย์นั้นต้องอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์หลายสาขา รวมทั้งมานุษยวิทยาเชิงกายภาพ (หรือ มานุษยวิทยาเชิงชีวภาพ), วานรวิทยา, โบราณคดี, บรรพชีวินวิทยา, พฤติกรรมวิทยา, ภาษาศาสตร์, จิตวิทยาเชิงวิวัฒนาการ (evolutionary psychology), คัพภวิทยา และพันธุศาสตร์
กระบวนการวิวัฒนาการเป็นความเปลี่ยนแปลงของลักษณะสืบสายพันธุ์ (trait) ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตผ่านหลายชั่วยุคชีวิต เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดความหลายหลากกับสิ่งมีชีวิตในทุกระดับชั้น รวมทั้งระดับสปีชีส์ ระดับสิ่งมีชีวิตแต่ละชีวิต และแม้กระทั่งโครงสร้างระดับโมเลกุลเช่นดีเอ็นเอและโปรตีน  สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกสืบสายมาจากบรรพบุรุษเดียวกันที่มีชีวิตประมาณ 3.8 พันล้านปีก่อน การเกิดสปีชีส์ใหม่ ๆ และการแยกสายพันธุ์ออกจากกันของสิ่งมีชีวิต สามารถอนุมานได้จากลักษณะสืบสายพันธุ์ทางสัณฐานและทางเคมีชีวภาพ หรือโดยลำดับดีเอ็นเอที่มีร่วมกัน   คือ ลักษณะสืบสายพันธุ์และลำดับดีเอ็นเอที่มีกำเนิดเดียวกัน จะมีความคล้ายคลึงกันระหว่างสปีชีส์ที่มีบรรพบุรุษร่วมกันเร็ว ๆ นี้มากกว่าระหว่างสปีชีส์ที่มีบรรพบุรุษร่วมกันมานานแล้ว ดังนั้นความคล้ายคลึงกันและความแตกต่างกันจึงสามารถใช้สร้างแบบของต้นไม้สายพันธุ์สิ่งมีชีวิต ที่แสดงความสัมพันธ์เชิงญาติ โดยใช้สิ่งมีชีวิตที่ยังมีอยู่หรือใช้ซากดึกดำบรรพ์เป็นหลักฐานข้อมูล รูปแบบความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในโลกเปลี่ยนแปลงไปเพราะการเกิดขึ้นของสปีชีส์ใหม่ ๆ และการสูญพันธุ์ไปของสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่: วิวัฒนาการ
งานวิจัยต่าง ๆ ทางพันธุศาสตร์แสดงว่า สัตว์อันดับวานรรวมทั้งมนุษย์แยกออกจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทอื่น ๆ เมื่อประมาณ 85 ล้านปีก่อน โดยมีซากดึกดำบรรพ์ปรากฏเป็นครั้งแรกสุดเมื่อประมาณ 55 ล้านปีก่อน  ส่วนลิงวงศ์ชะนี (Hylobatidae) แยกสายพันธุ์ออกจากสายพันธุ์วงศ์ลิงใหญ่ (Hominidae) รวมทั้งมนุษย์ ซึ่งเป็นวงศ์หนึ่ง ๆ ของสัตว์อันดับวานรนั้น เมื่อ 17 ล้านปีก่อนแล้วลิงวงศ์ Ponginae (ลิงอุรังอุตัง) ก็แยกออกจากสายพันธุ์เมื่อประมาณ 14 ล้านปีก่อน

จากนั้น การเดินด้วยสองเท้า (bipedalism) ซึ่งเป็นการปรับตัวพื้นฐานที่สุดของสัตว์เผ่า Hominini ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของมนุษย์ที่ลิงชิมแปนซีได้แยกออกไปแล้ว ก็เริ่มปรากฏในสัตว์สองเท้าแรกสุดในสกุล Sahelanthropus   (7 ล้านปีก่อน) หรือ Orrorin   (6.1 ล้านปีก่อน) โดยมีสกุล Ardipithecus ซึ่งเป็นสัตว์สองเท้าที่มีหลักฐานชัดเจนกว่า ตามมาทีหลัง]  (5.8 ล้านปีก่อน) ส่วนลิงกอริลลาและลิงชิมแปนซีแยกออกจากสายพันธุ์ในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน คือลิงกอริลลาเมื่อ 6 ถึง 10 ล้านปีก่อน  และลิงชิมแปนซีเมื่อ 4 ถึง 8 ล้านปีก่อน  โดยอาจจะมี Sahelanthropus เป็นบรรพบุรุษสุดท้ายร่วมกันระหว่างชิมแปนซีและมนุษย์  สัตว์สองเท้ายุคเริ่มต้นเหล่านี้ในที่สุดก็วิวัฒนาการมาเป็นเผ่า hominini เผ่าย่อย Australopithecina (อังกฤษ: australopithecine ปกติรวมสกุล Australopithecus, Paranthropus, และในบางที่ Ardipithecus) ที่ 4.2 ล้านปีก่อน และหลังจากนั้นจึงเป็นเผ่าย่อย Hominina ซึ่งรวมเอามนุษย์สกุล โฮโม เท่านั้น
มนุษย์สกุลโฮโมที่มีหลักฐานยืนยันพวกแรกที่สุดเป็นสปีชีส์ Homo habilis ซึ่งเกิดขึ้นประมาณ 2.3 ล้านปีก่อน โดยเชื่อกันว่า สืบสายพันธุ์มาจาก homonin ในสกุล Australopithecus เป็นสปีชีส์แรก ๆ ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าใช้เครื่องมือหิน และการปรับตัวของสายพันธุ์มนุษย์อีกอย่างหนึ่งคือ การขยายขนาดของสมอง(encephalization) ก็ได้เริ่มขึ้นที่มนุษย์ยุคต้นนี้ ซึ่งมีขนาดสมองที่ประมาณ 610 ซม3 คือมีขนาดใหญ่กว่าของลิงชิมแปนซีเล็กน้อย  (ระหว่าง 300-500 ซม) มีนักวิทยาศาสตร์ที่เสนอว่า นี้อยู่ในช่วงเวลาที่ยีนมนุษย์ประเภท SRGAP2 มีจำนวนเป็นสองเท่าเทียบกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ  ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาของสมองกลีบหน้าได้รวดเร็วกว่าในสัตว์อื่น ๆ

ต่อมา มนุษย์สปีชีส์ Homo erectus/ergaster ก็เกิดขึ้นในช่วงประมาณ 1.9 ล้านปีก่อน ที่มีปริมาตรกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของลิงชิมแปนซีคือ 850 ซม  การขยายขนาดของสมองเช่นนี้เทียบเท่ากับมีเซลล์ประสาทเพิ่มขึ้น 125,000 เซลล์ทุกชั่วยุคคน สปีชีส์นี้เชื่อว่าเป็นพวกแรก ๆ ที่สามารถควบคุมไฟ  และใช้เครื่องมือหินที่มีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น  เป็นมนุษย์สกุล Homo พวกแรกที่อพยพออกไปตั้งถิ่นฐานทั่วทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย และทวีปยุโรป อาจเริ่มตั้งแต่ 1.8 ล้านปีก่อน  ดังนั้น การวิวัฒนาการของสายพันธุ์มนุษย์ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นไปในแอฟริกาเท่านั้น
ส่วนกลุ่มมนุษย์โบราณที่เรียกว่า Archaic Homo sapiens ก็เกิดวิวัฒนาการขึ้นต่อมาประมาณ 600,000 ปีก่อน สืบสายพันธุ์มาจาก H. erectus/ergaster เป็นกลุ่มมนุษย์ที่อาจเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบัน โดยเฉพาะคือมนุษย์โบราณ H. heidelbergensis/rhodesiensis  หลังจากนั้น มนุษย์ Homo sapiens ที่มีกายวิภาคปัจจุบัน (anatomically modern human) ก็เกิดขึ้นโดยมีวิวัฒนาการมาจากมนุษย์โบราณกลุ่ม Archaic Homo sapiens ในยุคหินเก่าช่วงกลาง คือประมาณ 200,000 ปีก่อน ตามทฤษฎีกำเนิดมนุษย์ปัจจุบันเร็ว ๆ นี้จากแอฟริกา มนุษย์ปัจจุบันมีการวิวัฒนาการในทวีปแอฟริกาแล้วได้อพยพออกจากทวีปประมาณ 50,000-100,000 ปีก่อน (ต่างหากจากมนุษย์ในยุคก่อน ๆ) ไปตั้งถิ่นฐานแทนที่กลุ่มมนุษย์สปีชีส์ H. erectus, H. denisova, H. floresiensis และ H. neanderthalensis ในที่ต่าง ๆ ที่เป็นเชื้อสายของมนุษย์ที่อพยพออกมาจากทวีปแอฟริกาในยุคก่อน ๆ โดยอาจจะมีการผสมพันธุ์กันกับมนุษย์โบราณก่อน ๆ เหล่านั้น
หลักฐานโดยดีเอ็นเอในปี ค.ศ. 2010 บอกเป็นนัยว่า มีลำดับดีเอ็นเอหลายส่วนที่มีต้นกำเนิดจากมนุษย์โบราณ Homo neanderthalensis (อังกฤษ: Neanderthal) ในดีเอ็นเอของมนุษย์ปัจจุบันทุกเผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่คนแอฟริกา และว่า Neanderthal และมนุษย์โบราณสกุลอื่น ๆ เช่นที่รู้จักกันว่า Denisova hominin (อังกฤษ: Denisovan) รวม ๆ กันแล้ว อาจจะให้จีโนมเป็นส่วน 1-10% ของจีโนมมนุษย์ปัจจุบัน ซึ่งบอกเป็นนัยถึง การผสมพันธุ์กัน ระหว่างมนุษย์โบราณเหล่านี้กับมนุษย์ปัจจุบัน อย่างไรก็ดี การผสมพันธุ์มีระดับค่อนข้างที่จะต่ำ และยังมีความเป็นไปได้ว่า กรรมพันธุ์ของ Neanderthal หรือของ Archaic Homo sapiens อื่น ๆ ที่พบในมนุษย์ปัจจุบันอาจจะอธิบายได้โดยลักษณะสืบสายพันธุ์ (trait) ที่สืบมาจากบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อ 500,000-800,000 มาแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเพราะผสมพันธุ์กันเร็ว ๆ นี้

ส่วนการเปลี่ยนมามีพฤติกรรมปัจจุบัน พร้อมกับพัฒนาการของวัฒนธรรมสัญลักษณ์ (symbolic culture) [ภาษา และเทคโนโลยีหินแบบเฉพาะงานเริ่มขึ้นที่ประมาณ 50,000 ปีก่อนตามข้อมูลทางมานุษยวิทยา แม้ว่าจะมีนักวิทยาศาสตร์บางส่วนที่เสนอว่า ความจริงเป็นการพัฒนาทางพฤติกรรมอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานยิ่งกว่านั้นที่อาจนานถึง 300,000 ปี และเริ่มมีหลักฐานแล้วว่าพฤติกรรมปัจจุบันนั้น ความจริงมีปรากฏแล้วก่อนหน้านั้น
ในปัจจุบันนี้ วิวัฒนาการของมนุษย์ปัจจุบันก็ยังเป็นไปอยู่ แต่ที่ปรากฏเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนจะจำกัดอยู่ในเรื่องภูมิต้านทานต่อโรคติดต่อโดยมาก  แต่เพราะไร้เหตุกดดันทางการคัดเลือกโดยธรรมชาติ หรือเพราะเหตุอื่น ๆ วิวัฒนาการของมนุษย์เร็ว ๆ นี้ โดยมากก็จะเป็นการเปลี่ยนความถี่ยีนอย่างไม่เจาะจง (genetic drift) นอกจากนั้นแล้ว ยังปรากฏอีกด้วยว่า ทั้งมนุษย์ทั้งวงศ์ลิงใหญ่แอฟริกัน (รวมกอริลลาและชิมแปนซี) ปรากฏการวิวัฒนาการที่ช้าลงจากลิงสายพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพราะแต่ละชั่วอายุมีความยาวนานยิ่งขึ้น



ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org

รู้หรือไม่?
10อันดับหนังที่ทำรายได้มากที่สุดในโลก

อันดับที่ 1 Avatar ปีที่ออกฉาย – 2009
รายได้ทั่วโลก – $2,782.3 ล้านเหรีญสหรัฐ


อันดับที่ 2 Titanic ปีที่ออกฉาย – 1997
รายได้ทั่วโลก – $2,186.8 ล้านเหรีญสหรัฐ


อันดับที่ 3 Marvel’s The Avengers ปีที่ออกฉาย – 2012
รายได้ทั่วโลก – $1,518.6 ล้านเหรีญสหรัฐ


อันดับที่ 4 Harry Potter and the Deathly Hallows Part 2 ปีที่ออกฉาย – 2011
รายได้ทั่วโลก – $1,341.5 ล้านเหรีญสหรัฐ


อันดับที่ 5 Frozen ปีที่ออกฉาย – 2013
รายได้ทั่วโลก – $1,252.7 ล้านเหรีญสหรัฐ


อันดับที่ 6 Iron Man 3 ปีที่ออกฉาย – 2013
รายได้ทั่วโลก – $1,215.4 ล้านเหรีญสหรัฐ


อันดับที่ 7 Transformers: Dark of the Moon
ปีที่ออกฉาย – 2011
รายได้ทั่วโลก – $1,123.8 ล้านเหรีญสหรัฐ



อันดับที่ 8 The Lord of the Rings: The Return of the King
ปีที่ออกฉาย – 2003
รายได้ทั่วโลก – $1,119.9 ล้านเหรีญสหรัฐ




อันดับที่ 9 Skyfall
ปีที่ออกฉาย – 2012
รายได้ทั่วโลก – $1,108.6 ล้านเหรีญสหรัฐ



อันดับที่ 10 The Dark Knight Rises
ปีที่ออกฉาย – 2012
รายได้ทั่วโลก – $1,084.4 ล้านเหรีญสหรัฐ




ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.เกร็ดความรู้.net/category








วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

รู้หรือไม่?

10ของใช้ของคนรวย ที่ไม่น่าเชื่อว่ามีจริง



เพจ La Repubblica ของอิตาลีได้รายงานสกู๊ปเรื่องที่อ่านแล้วต้องตื่นตะลึง เป็นเรื่องของ 10 เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน แต่กลับราคาแพงลิบ ถึงขนาดบอกได้ว่า มีดังต่อไปนี้


1.กระดาษชำระทองคำ ประกอบด้วยทอง 22 เค มูลค่าประมาณ 1 ล้านยูโร ประมาณ 40 ล้านบาท




2.แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ญี่ปุ่นทำจากวัสดุคุณภาพสูง ราคา 3,550 ยูโร ประมาณ 1.4 แสนบาท
 


3.เกมเศรษฐีทำจากทองคำแท้ๆราคา 161,000 ยูโร ประมาณ 6.5 ล้านบาท
 


4.ขวดน้ำคริสตัส“Tributo a Modigliani” ออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดย “Fernando Altamirano” ซึ่งเคยออกแบบขวดคอนยัคที่แพงที่สุดในโลก ได้รับการบันทึกโดยกินเนสบุ๊กอีกครั้ง ในฐานะผู้ดีไซน์ขวดน้ำที่ราคาแพงที่สุดในโลก เงินรายได้จากการเปิดประมูลขวดน้ำนี้ ส่วนหนึ่งจะบริจาคให้กับการรณรงค์เพื่อลดปัญหาโลกร้อน
 สำหรับขวดน้ำนี้ ภายในบรรจุน้ำแร่จากฝรั่งเศส ฟิจิ และน้ำจากธารน้ำแข็งในไอซ์แลนด์ รวมถึงมีผงทอง 23 เค ปริมาณ 5 ม.ก. บรรจุอยู่ภายในด้วย ราคา 48,000 ยูโร เกือบๆ 2 ล้านบาท
 



5.ร่มจากหนังจระเข้สร้างสรรค์โดยแบรนด์ Billionaire Couture มูลค่า 40,000 ยูโร ประมาณ 1.6 ล้านบาท





6.Butterfly คือชื่อของจักรยานที่ “แลนซ์ อาร์มสตรอง” นักแข่งจักรยานชาวอเมริกัน เจ้าของแชมป์การแข่งขันตูร์ เดอ ฟรองซ์ ติดต่อกัน 7 สมัย เคยใช้ในการแข่งขันเมื่อปี 2009 และได้รับการตกแต่งโดย Damien Hirst ศิลปินร่วมสมัย ซึ่งใช้ปีกผีเสื้อจริงๆ ในการตกแต่ง ราคา 400,000 ยูโร หรือ 16 ล้านบาท




7.ที่กั้นประตูจากซีเมนต์หนัก12 ก.ก. มูลค่า 2,800 ยูโร ประมาณ 1.1 แสนบาท ซีเมนต์นี้เคยล้อมรอบเหยือกน้ำของ “ราชวงศ์ซาวอย” ก่อนที่จะถูกทำลายลงเพื่อให้เปิดบานประตูเปิด-ปิดได้อิสระ




8.ถุงเท้าจากขน“วิคูญา”สัตว์ประจำชาติของเปรู ลักษณะคล้ายตัวลามา ว่ากันว่า วิคูญาเป็นสัตว์ที่มีเส้นขนละเอียดที่สุดในบรรดาขนสัตว์ทั้งหมด และกักเก็บความอุ่นได้ดีเยี่ยม ราคาประมาณ 1,000 ยูโร หรือ 4 หมื่นบาท
 



9.เซ็ตถ้วยบะหมี่ทองคำมาพร้อมผ้าเช็ดปากและส้อม ราคา 40,000 ยูโร ประมาณ 1.6 ล้านบาท
 

 



10.ปากกาAurora Diamante ตกแต่งด้วยทอง 18 เค และเพชรเดอเบียรส์ 30 กะรัต มูลค่าด้ามละ 1 ล้านยูโร กว่า 40 ล้านบาท
 










 


วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

คุณรู้หรือไม่?
10ประเทศที่รวยที่สุดในโลก

 สำหรับประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 10 อันดับแรก จัดอันดับตาม GDP (PPP) ที่มีรายได้ต่อตัวสูงสุดต่อหัว 4,600,000 บาทต่อปี
อันดับ 1 : Qatar – GDP (PPP) 4,621,648.32 THB/Y
          กาตาร์เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ เศรษฐกิจของกาตาร์ส่วนใหญ่เกือบ 85% ของรายได้จากการส่งออกเป็น “ปิโตรเลียม” กาตาร์ยังเป็นประเทศที่มีปริมาณแก๊สธรรมชาติ สำรองมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รัฐบาลของกาตาร์ทุ่มงบส่วนใหญ่ในการพัฒนาสาธารณูปโภค เช่น ท่าเรือน้ำลึก สนามบิน เครือข่ายรถไฟ รวมถึงตั้งเป้าให้ประเทศเจ้าภาพด้านธุรกิจ และที่สำคัญในปี ค.ศ.2022 กาตาร์จะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก


อันดับ 2 : Luxembourg – GDP (PPP) 2,960,212.16 THB/Y
          เป็นประเทศเล็กๆในยุโรป มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายเหล็กและโลหะเพื่อส่งออก ลักเซมเบิร์กขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุด และเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของยุโรป เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายทางการเงินที่มีวินัยและเข้มแข็ง และส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ความเข้มงวดของการเก็บความลับในด้านธุรกิจสถาบันการเงินหรือธนาคาร



อันดับ 3 : Singapore – GDP (PPP) 2,603,061.44 THB/Y
          สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆทางตะวันออกเฉียงใต้ของเอเชีย เป็นประเทศที่มีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี  ด้วยความที่เป็นประเทศที่เล็ก ทำให้บริหารงานต่างๆได้ไม่ยากนัก บวกกับความเข้มงวดของกฎหมาย ทำให้เป็นประเทศที่ประชากรมีระเบียบวินัยสูง พื้นฐานความมั่งคั่งของสิงคโปร์ คือ ความเจริญด้านเทคโนโลยี การผลิต และศูนย์กลางด้านการเงิน



อันดับ 4 : Brunei Darussalam – GDP (PPP) 2,490,366.4 THB/Y
          บรูไนเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้มาสู่ประเทศเป็นอันดับหนึ่ง ในขณะที่มีจำนวนประชากรที่น้อยมาก แต่บรูไนก็ไม่ได้หวังพึ่งพารายได้จากการขายน้ำมันเพียงอย่างเดียว ได้พยายามที่จะพัฒนาประเทศให้พึ่งพาตัวเองได้ อย่างไรก็ตามบรูไนเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงมากแห่งหนึ่งของโลก แต่รัฐบาลได้ให้สวัสดิการอย่างดีเลิศแก่ประชาชน อาทิ ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ค่ารักษาพยาบาลฟรี



อันดับ 5 : Kuwiat  – GDP (PPP) 2,271,736.96 THB/Y
           คูเวตเป็นประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีมากและร่ำรวยจากการส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ส่งผลให้มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ทั้งในด้านการค้าและการลงทุน ประชาชนคูเวตมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวและกำลังซื้อสูงมาก ประกอบกับการใช้นโยบายการค้าเสรี ไม่มีระบบโควตา หรือมาตรการกีดกันการนำเข้าสินค้า โครงสร้างภาคการผลิตส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมผลิตน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รัฐบาลคูเวตได้ประกาศจัดทำโครงการ ลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมน้ำมันเพื่อเพิ่มผลผลิต การก่อสร้างเมืองธุรกิจใหม่ (Silk City) โครงการขยายท่าอากาศยานนานาชาติคูเวต




อันดับ 6 : Norway – GDP (PPP) 2,108,661.44 THB/Y
          นอร์เวย์ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ติดอันดับประเทศที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดของโลก เนื่องจากนโยบายรัฐสวัสดิการสามารถใช้ได้จริง และตอบโจทย์ความต้องการทางสังคมของนอร์เวย์ ได้เป็นอย่างดี เป็นประเทศที่มี อัตราการว่างง่านที่ต่ำ รายได้หลักเกือบครึ่งมาจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ



อันดับ 7 : United Arab Emirates – GDP (PPP) 2,081,197.12 THB/Y
          เป็นประเทศที่เกิดจากการรวมตัวของรัฐต่าง ๆ 7 รัฐ ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2514 จึงนับว่ามีอายุเพียง 40 ปีเศษ แต่ในระยะเวลาเพียงไม่นาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้พัฒนาความเจริญก้าวหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยส่วนสำคัญมาจากรายได้มหาศาลจากการส่งออกน้ำมันดิบ ควบคู่ไปกับการเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค ยังไม่รวมถึงการเงินและการขนส่งทางอากาศ ซึ่งนับวันจะทวีความสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ขึ้นเรื่อย ๆ



อันดับ 8 : Switzerland – GDP (PPP) 1,767,594.88 THB/Y
          เป็นประเทศขนาดเล็กที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตะวันตก แต่นับเป็นประเทศที่มีความสำคัญ ในด้านการลงทุนในระดับนานาชาติมาเป็นระยะเวลานาน เป็นประเทศหนึ่งในโลกที่มีสถานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและเป็นเป้าหมายของนักลงทุน เนื่องจากมีนโยบายทางการเงินและสถานการณ์ทางการเมืองที่มีเสถียรภาพ และมีความพร้อมทางโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ยังมีนโยบายเปิดกว้างสำหรับการลงทุน


อันดับ 9 : Hong Kong – GDP (PPP) 1,765,337.92 THB/Y
          ฮ่องกงมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบัน ฮ่องกงเป็นท่าเรือขนส่งสินค้า ที่มีปริมาณการขนส่งเป็นอันดับ 2 ของโลก รวมทั้งเป็นตลาดหลักทรัพย์ทีมีมูลค่าการซื้อขายมากเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย ภาคบริการเป็นหัวใจของความมั่งคั่งของฮ่องกงเนื่องจากมีสัดส่วนถึงร้อยละ 90 ของ GDP ธุรกิจบริการหลักประกอบด้วย การค้า การขนส่ง การเงินการธนาคารและการท่องเที่ยว


อันดับ 10 : United States – GDP (PPP) 1,749,701.44 THB/Y
          ประเทศมหาอำนาจและมีเศรษฐกิจประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำโลกทั้งในด้านการเงิน ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  เป็นผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผู้ส่งออกอาวุธที่ใหญ่ที่สุด สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าและนิวเคลียร์อันดับ 1 ของโลก และเป็นผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3



รู้หรือไม?

  10เรื่องน่าทึ่งของสัตว์โลก


        1.รู้หรือไม่จิงโจ้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยชนิดเดียวที่เดินถอยหลังไม่ได้



   2.รู้หรือไม่ตัวนิ่มจะคลอดลูกประมาณ4ตัว/ครั้ง และทุกตัวจะเป็นเพศเดียวกันทั้งหมด



3.รู้หรือไม่ม้าน้ำตัวผู้จะเป็นผ่ายตั้งท้องและคลอดลูกออกมาเป็นตัว


4.รู้หรือไม่ไข่ของสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือไข่ของนกกระจอกเทศ



5.รู้หรือไม่โคอาล่าเป็นสัตว์ที่เลือกกินอย่างมากโดยจะกินเฉพาะใบยูคาลิปตัสเท่านั้น


6.รู้หรือไม่ หมึกยักย์เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่ฉลาดที่สุดในโลก



7.รู้หรือไม่ ร่างกายของแมงกระพรุนประกอบด้วยน้ำ 95%



8.รู้หรือไม่วาฬถึงจะมีลักษณะคล้ายปลาแต่วาฬคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม




9.รู้หรือไม่ สิงโตตัวผู้ไม่ออกล่าอาหาร แต่จะทำหน้าที่ปกป้องฝูกจากสิงโตฝูงอื่นและสัตว์อื่นแทน



10.รู้หรือไม่ปลาแซลมอนเกิดในน้ำจืด โตในน้ำเค็ม และกลับมาสืบพันธุ์และวางไข่ในน้ำจืดอีกครั้ง